ผู้สอบต้องชำระค่าสมัครสอบด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นจำนวนเงิน
$81 ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆมีดังนี้
(1) กรณีที่มีการลงทะเบียนสมัครสอบล่าช้า
ผู้สอบจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก $27
(2) ผู้สมัครสอบในประเทศไทยไม่สามารถขอเลื่อน
เปลี่ยนแปลงรอบสอบหรือ Standby ในวันสอบได้
(3) ผู้สมัครสอบไม่สามารถยกเลิกการสอบและจะไม่มีการคืนเงินแก่ผู้สมัครสอบ
(4) หากผู้สมัครสอบต้องการได้รับกระดาษข้อสอบและคำตอบของการสอบในรอบที่ตนเองสอบ
ผู้สอบสามารถลงทะเบียนขอรับกระดาษคำตอบพร้อมทั้งข้อสอบและเฉลยได้ภายหลังจากวันสอบ
ไม่เกิน 6 สัปดาห์โดยเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม $18
ศูนย์สอบ SAT ในประเทศไทยมีทั้งกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค
ดังต่อไปนี้
ศูนย์สอบในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
1. Ruamrudee International School (RIS)
2. Bangkok Pattana International School
3. International Community School of Bangkok (ICS)
4. New International School of Thailand (NIST)
5. KIS International School (KIS)
6. Keerapat International School
7. Thai-Chinese International School
8. Harrow International School
ศูนย์สอบในต่างจังหวัด
1. Pream Tinsulanonda International School (Pream)
2. Chiang Mai International School (CMIS)
3. International School Eastern Seaboard (Burapha Golf Club)
4. British International School, Phuket (BIS)
5. Lanna International School in Chinag Mai
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ SAT
(1) SAT ประกอบด้วย
3 ส่วนคือ Mathematics, Critical Reading
และ Writing แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่
มักจะพิจารณาผลคะแนนเฉพาะ 2 ส่วนแรกเท่านั้น
(2) ในการคิดคะแนน
เมื่อตอบถูกจะได้ 1 คะแนน แต่หากตอบผิดจะถูกหัก 0.25
คะแนน โดยผู้เข้าสอบ
สามารถเลือกไม่ตอบคำถามได้โดยจะได้ 0
คะแนนในข้อนั้น คะแนนในส่วนนี้เรียกว่า Raw Score
โดยจะถูกนำไปแปลงค่าเป็น Scaled Score ต่อไป
(คะแนนเต็มของ Scaled Score คือ 800
คะแนน
ในแต่ละส่วน)
(3) SAT เป็นข้อสอบที่ฝึกการคิดและตอบคำถามให้เร็วและถูกต้อง
ดังนั้นเวลาเฉลี่ยในการตอบคำถาม
แต่ละข้อจึงอยู่ระหว่าง 43-83 วินาทีเท่านั้น
(4) เมื่อกล่าวถึง
SAT โดยทั่วไปมักหมายถึง "SAT I" หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ
"SAT Reasoning Test"
ส่วน SAT II นั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "SAT
Subject Tests"
(5) การสอบ
SAT เป็นการสอบแบบ Paper-based Test หรือการฝนคำตอบลงบนกระดาษคำตอบนั่นเอง
ยกเว้นบางข้อของ Mathematics ที่ใช้วิธี "grid-in"
หรือเขียนคำตอบลงในกระดาษคำตอบด้วย
(6) จากข้อมูลของ
College Board คะแนนเฉลี่ยในปี 2011
ของ Mathematics, Critical Reading
และ Writing คือ 514, 497
และ 489 คะแนนตามลำดับ
(7) คู่แข่งของการสอบ SAT คือ นักเรียนที่เรียนหลักสูตรไทย และหลักสูตรนานาชาติ
ยื่นผลการสอบ SAT ได้ที่ไหนบ้าง
หลังจากนักเรียนสอบผ่านแล้ว นักเรียนสามารถยื่นผลการสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อในสถาบันชั้นนำ
ดังต่อไปนี้
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
- University of Oxford
- University of Cambridge
- Massachusetts Institute of Technology (MIT)
- Brown University
- Boston University
- George Washington University
- University of Minnesota - Twin Cities
- Indiana University - Bloomington
วิธีการสมัครสอบ SAT แบบ
Reasoning Test สำหรับเข้ามหาวิทยาลัยโปรแกรมภาคภาษาอังกฤษในประเทศไทย มีขั้นตอนดังนี้
2. ในหน้า Sign In - สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยสมัครสอบ SAT มาก่อน
จะต้องทำการลงทะเบียนสมาชิก
เพื่อที่จะต้องเป็นสมาชิกก่อนที่จะเลือกวันและเวลาสอบได้ ให้ไปตรงที่ Not a Member Yet? แลัวคลิกตรงคำว่า Sign Up แล้วกรอกข้อมูลเพื่อ
ที่จะทำการลงทะเบียนเป็นสมาชิกให้ถูกต้องและครบถ้วน
- สำหรับผู้ที่เคยเป็นสมาชิกอยู่แล้วให้ใส่ Username และ
Password แล้วคลิกที่
Sign In
3. เมื่อ Sign In เข้ามาแล้ว ในหน้า MY SAT สามารถทำดูและทำรายละเอียดต่างๆได้
- สำหรับผู้ที่ต้องการลงทะเบียนสมัครสอบ
ให้ไปตรงหัวข้อ MY TEST
REGISTRATIONS แล้วคลิกที่ REGISTER FOR A TEST ส่วนหัวข้อ MY SCORES* หน้านี่จะแสดงคะแนนสอบของเราในแต่ละครั้ง และ
ยังแสดงคะเเนนของแต่ละส่วนของข้อสอบ
สามารถที่จะกด print out ออกมาดูเล่นเองก็ได้ หรือ
ถ้าจะต้องการส่งเอกสารคะแนนสอบโดยตรงจากศูนย์สอบไปยัง
มหาวิทยาลัยที่เราสมัครก็สามารถทำได้
โดยคลิกได้ที่ SEND
SCORES TO COLLEGES (เพราะว่าบางมหาวิทยาลัยจะต้องได้รับจดหมายคะแนนสอบโดยตรงจากศูนย์สอบเท่านั้น)
4. สำหรับผู้ที่สมัครสอบ
ในหน้า MY SAT®: GETTING STARTED
เขาจะอธิบายให้เราจะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อลดเวลาในการลงทะเบียน
ส่วนแรก เขาจะให้เราเตรียมตัวกับคำถามที่เขาจะถาม
ส่วนที่สอง เขาจะให้เราเตรียมข้อมูลของ
บัตรเครดิต
แล้วถ้าเราเตรียมเสร็จแล้วให้คลิกที่ Begin
5. ในหน้า MY SAT: MY PROFILE
ก่อนที่จะทำเราจะต้องเข้าใจว่าจะต้องตอบเป็นข้อมูลจริง
เพราะอาจจะมีการให้ข้อมูลของเรากับมหาวิทยาลัยที่เราสมัครก็ได้
เมื่อเราตอบคำถามเสร็จแล้วให้คลิกที่ SAVE AND CONTINUE
6. ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
ในหน้านี้เราได้ทำการตอบคำถามในส่วนที่หนึ่งเสร็จแล้วแล้วตอนนี้ให้เราไปทำส่วนที่สอง
ซึ่งในส่วนที่สองจะต้องทำการ เลือกวันที่สอบ
เลือกสถานที่สอบ สถานที่ที่จะส่งคะแนน และสิ่งที่เกี่ยวกับคะแนน
อย่างเช่นจะส่งไปให้มหาวิยาลัยไหนโดยตรง
ถ้าเราพร้อมเเล้วให้คลิกที่ Begin
7. ในหน้า MY SAT: TERMS AND CONDITIONS
ก่อนที่เราจะกดตกลงเราควรจะอ่าน terms and conditions ของทางศูนย์สอบก่อนเพื่อเราจะได้ทำความเข้าใจ
เวลามีปัญหาจะได้แก้ไขได้
ถ้าตกลงให้คลิกที่ข้างหน้า I agree to the SAT Terms and
Conditions above.
ถ้าไม่ตกลงให้คลิกข้างหน้าคำว่า I do not agree to these Terms amd
Conditions. Cancel this registration
แล้วคลิกที่ Save and Continue เพื่อดำเนินการสมัครต่อ
8. ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
TEST
SERVICES : STEP 1 OF 8
ในหัวข้อ TEST & TEST CENTER LOCATION
Select your
test:
อันนี้เราจะต้องเลือก Reasoning Test หรือ
SAT I โดยการ
คลิกข้างหน้า SAT Reasoning Test (formerly known as SAT I)
Select your
test center location:
อันนี้ให้เลือกที่ Outside the U.S. โดยการ
คลิกข้างหน้า Outside the U.S.
YOUR HIGH
SCHOOL
เลือกชั้นปีที่เราเรียนอยู่
เช่นถ้าอยู่ ม.6 --> 12th grade
ส่วนหัวข้อ For Students with Disabilities และ
For Students Using a Fee
Waiver
ให้ใส่คลิกข้างหน้า No
ถ้าเลือกเสร็จแล้วให้คลิกที่ Save & Continue
9. ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
TEST
SERVICES : STEP 2 OF 8
เลือกวันที่สอบให้เรา
คลิกหน้าวันที่ที่เราจะสอบ
ถ้าเลือกเสร็จแล้วให้คลิกที่ Save & Continue
10.ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
TEST
SERVICES : STEP 3 OF 8
QUESTION-AND-ANSWER
SERVICE (QAS)
ในหน้านี้เขาจะถามเราว่าเราต้องการที่จะรับข้อสอบที่เราทำพร้อมเฉลยรึเปล่า
ถ้าเราต้องการเขาจะคิดเงินประมาณ $18.00
(ข้อสอบจะส่งมาให้ที่อยู่ที่เราระบุประมาณ 6-8 สัปดาห์หลังสอบ) ให้เราคลิกข้างหน้า
Yes,
ถ้าเราไม่เอาก็คลิกข้างหน้า No,
ถ้าเลือกเสร็จแล้วให้คลิกที่ Save & Continue
11.ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
TEST
SERVICES : STEP 4 OF 8
TEST
CENTERS:
ขั้นแรก: เลือกที่สถานที่จะสอบอันดับเเรก
ให้คลิกที่ Search for a test center.
จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมาอันหนึ่งแล้วจะให้เราเลือก
NAME ,
Country: ให้เราเลือกประเทศไทยอย่างเดี่ยวก็ได้แล้วคลิกที่
Search
พอกดเสร็จแล้วจะมี SEARCH RESULTS ขึ้นมาพร้อมกับสถานที่สอบทั้งหมดในประเทศไทย
อันนี้เราก็หาสถานที่สอบที่เราพอใจแล้วคลิกไปที่ชื่อสถานที่สอบอันนั้นเพื่อให้เกิดแถบสีน้ำเงินขึ้นมาแล้ว
คลิกที่ Add
ขั้นที่สอง: เลือกที่สถานที่จะสอบอันดับที่สอง
ทำเหมือนกับขั้นแรก
ขั้นนี้เลือกเอาไว้เป็นสถานที่สำรองของเราถ้าสถานที่อันดับแรกเต็ม
ถ้าเลือกเสร็จแล้วให้คลิกที่ Save & Continue
12.ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
SEND SCORES
: STEP 5 OF 8
สามารถส่งได้ถึง 8 แห่งจะฟรีสำหรับ 4
แห่งเเรกเท่านั้นส่วน 4 แห่งหลังจะต้องเสียเงินต่อแห่งประมาณ $9.50
เลือกสถานที่ที่จะรับโดยกดที่ Add แล้วจะขึ้นหน้าต่างใหม่ขึ้นมาให้เราเลือกประเทศไทยแล้วคลิกที่
SEARCH
พอคลิกเสร็จแล้วจะขึ้น Search Result จะมีรายชื่อของมหาวิทยาลัยขึ้นมาครับ
อันนี้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยว่าเขาจะต้องให้เราส่งคะแนนไปที่คณะของมหาวิทยาลัยที่เราสมัครโดยตรงจากศูนย์สอบรึเปล่า
ไม่จำเป็นจะต้องเลือกส่งทั้ง 4 อันแรกครับ
ถ้าเลือกเสร็จแล้วให้คลิกที่ Save & Continue
12. ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
RESOURCES :
STEP 6 OF 8
เขาจะถามว่าเราจะต้องการซื้อหนังสือของเขารึเปล่า
ถ้าต้องการก็คลิกหน้า add to order ของแต่ละเล่มที่เราต้องการ
ถ้าเลือกเสร็จแล้วให้คลิกที่ Save & Continue
13. ในหน้า MY SAT : SAT REGISTERATION
FINAL REVIEW
: STEP 7 OF 8
หน้านี้จะต้องให้ความสำคัญอย่างมากเพราะว่าเป็นหน้าที่เราจะต้องตรวจสอบว่า
รายละเอียดที่เราใส่เข้าไปนั้นครบและถูกต้องมากน้อยแค่ไหน
และหน้านี้ยังเป็นหน้าที่เราจะต้องจ่ายเงินทางศูนย์สอบโดยจ่ายทางบัครเครดิต
และเมื่อเราได้ตรวจสอบรายละเอียดและลงข้อมูลของบัตรเครดิตอย่างดีแล้ว
ก็ให้คลิกที่ Sunmit Payment ก็คือจ่ายเงินนั้นเอง
14. ในหน้าสุดท้ายคือหน้า ADMISSION TICKET
จะเป็นหน้าแสดงบัตรสอบและเราจะต้องพิมพ์บัตรออกมาเพื่อเอาไปแสดงในวันสอบพร้อมบัตรประจำตัวประชาชน
หรือ หนังสือเดินทางก็ได้
ในวันสอบเราสามารถเอาเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบเพื่อทำส่วนคณิตศาสตร์ได้